เรื่องลิขสิทธิ์ / ภาพ / ฟอนต์ที่ควรระวังใน งานโฆษณา คู่มือย่อยง่ายที่ทุกแบรนด์ต้องรู้ก่อนโดนฟ้อง ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็ว งานต้องออกทันบรีฟ กราฟิกต้องส่งวันนี้เพื่อพิมพ์พรุ่งนี้ หลายทีมงานมักโฟกัสแค่ “ความสวย” หรือ “ความทันเวลา” จนลืมดูอีกมุมหนึ่งที่สำคัญมาก: ลิขสิทธิ์ของภาพ ฟอนต์ และเนื้อหาบนงานโฆษณา
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องกฎหมายที่ไกลตัวอย่างที่หลายคนคิด แต่เป็น “กับดักเงียบ” ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะงานพิมพ์ที่ผลิตจำนวนมาก เช่น
- ป้ายบิลบอร์ด
- Backdrop งานอีเวนต์
- สติ๊กเกอร์ติดหน้าร้าน
- งานอินสโตร์
- ป้าย Light Box
- สื่อดิจิทัลที่ถูกแชร์ต่อเป็นหมื่นครั้ง
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์ภาพ ฟอนต์ โลโก้ และเนื้อหาแบบลึกแต่ย่อยง่าย พร้อมตัวอย่างจริง เทคนิคตรวจสอบ และคำแนะนำจากประสบการณ์ที่เจอมากับตัว เพื่อช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าเสียหายที่อาจหนักกว่าค่าผลิตงานพิมพ์หลายเท่า
ลิขสิทธิ์ในงานโฆษณา ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่คือเรื่องความปลอดภัยของแบรนด์
ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ว่าคุณพิมพ์ป้ายไวนิลขนาดใหญ่สูง 4 เมตรหน้าห้าง ใส่ภาพผู้หญิงสวยจาก Pinterest มาหนึ่งใบเพื่อให้ป้ายดูหรูขึ้น แล้วจู่ๆ วันหนึ่งมีอีเมลแจ้งเตือนว่าละเมิดลิขสิทธิ์ภาพ ภาพนั้นเป็นของช่างภาพต่างประเทศ และค่าเรียกร้องเริ่มต้นที่ “หลักหมื่นถึงหลักแสน”
นี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นเคสที่เกิดขึ้นจริงในหลายประเทศ รวมถึงในไทยด้วย
เรื่องลิขสิทธิ์จึงไม่ใช่เรื่องเกินตัว เพราะงานโฆษณาคือสื่อสาธารณะ และสื่อสาธารณะคือพื้นที่ที่ถูกตรวจสอบได้ง่ายที่สุด
ในอีกแง่หนึ่ง การเลือกใช้ภาพและฟอนต์อย่างถูกต้องยังสะท้อนความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ และช่วยให้ทำงานได้อยากมีสเกล—ไม่ต้องกลัวว่าไฟล์ที่ส่งต่อไปให้ตัวแทน ร้านค้า หรือสาขาจะเป็นจุดเสี่ยงในอนาคต
ภาพที่ควรระวังมากที่สุด ภาพจาก Google, Pinterest, Facebook
ภาพที่เจอบน Google ไม่ใช่ภาพที่ “ใช้ฟรี”
Pinterest ก็ไม่ใช่
ภาพที่เพื่อนส่งมาก็ไม่ใช่
คนทำงานโฆษณาจำนวนมากยังเข้าใจผิดว่าภาพที่หาเจอบนอินเทอร์เน็ตคือภาพสาธารณะ แต่ความจริงคือภาพเหล่านั้น “อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ทั้งหมด”
เพียงแค่มีไฟล์ภาพ ไม่ได้แปลว่าคุณมีสิทธิ์ใช้งาน
และยิ่งเลวร้ายกว่านั้น—ภาพที่ใช้ในงานโฆษณานับเป็น “การใช้เชิงพาณิชย์” (Commercial Use) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ถูกเรียกร้องค่าเสียหายหนักที่สุด
จุดนี้เองทำให้หลายแบรนด์เลือกใช้ ภาพลิขสิทธิ์แท้ (Stock Image) จากเว็บมาตรฐาน เช่น
- Adobe Stock
- Shutterstock
- iStock
- Freepik (แบบ Pro)
- หรือแม้แต่เว็บไซต์ภาพฟรีที่มีใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ชัดเจน เช่น Unsplash, Pexels ฯลฯ
แต่ก็ต้องอ่าน Terms แต่ละเว็บให้ละเอียด เพราะบางเว็บอนุญาตให้ใช้ใน Commercial แต่ห้ามใช้กับสินค้าบางประเภท เช่น Skincare, Finance หรือ Health เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดเชิงกฎหมาย
ฟอนต์ก็มีลิขสิทธิ์ ไม่ใช่แค่ภาพ
ในวงการออกแบบ มีอีกหนึ่งจุดที่มักก่อปัญหามากกว่าภาพ คือ “ฟอนต์”
หลายคนคิดว่าฟอนต์ที่โหลดจากเว็บฟรีสามารถใช้ได้ทุกแบบ แต่ความจริงแล้วฟอนต์จำนวนมาก
- ใช้ฟรีเฉพาะส่วนตัว
- ไม่อนุญาตให้นำไปใช้เชิงพาณิชย์
- ไม่อนุญาตให้ใส่ในงานพิมพ์
- บางฟอนต์ห้ามใช้ในโลโก้โดยเฉพาะ
ความผิดพลาดที่เจอบ่อยมากคือ
ดีไซน์เนอร์ใช้ฟอนต์ที่โหลดมาฟรี แต่บริษัทนำไปใช้ในแคมเปญใหญ่ พอเจ้าของฟอนต์เจอโรงพิมพ์หรือตัวงานจริง ก็เกิดเป็นคดีเรียกค่าเสียหายทันที
การเลือกใช้ฟอนต์จึงควรตรวจสอบ License ให้ชัดเจน เช่น
- ใช้เชิงพาณิชย์ได้หรือไม่
- ใช้ใน Branding ได้หรือไม่
- ใช้ในงานพิมพ์จำนวนมากได้หรือไม่
- ส่งไฟล์ต้นฉบับที่มีฟอนต์ฝังอยู่ได้หรือไม่
หากคุณต้องทำงานโฆษณาบ่อย ฟอนต์ประเภท “Commercial License” แบบเหมาจ่ายรายปีคือสิ่งที่ช่วยประหยัดเวลาและป้องกันความเสี่ยงได้ดีที่สุด
โลโก้ดารา บุคคลดัง หรือสินค้าอื่น ๆ พื้นที่อันตรายที่สุด
โลโก้ของแบรนด์อื่น บุคคลมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ เป็นสิ่งที่ต้องระวังที่สุดในงานโฆษณาเช่นกัน เพราะการใช้ภาพบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ส่วนการใช้โลโก้แบรนด์คือการละเมิดเครื่องหมายการค้า
ตัวอย่างเคสง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นบ่อย:
– ร้านอาหารใช้ภาพดาราในโปสเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
– เพจใช้ภาพสินค้า Apple หรือ Nike ในโฆษณาแบบใส่โลโก้ชัดเจน
– ป้ายหน้าร้านใช้ภาพนางแบบเกาหลีโดยไม่มีลิขสิทธิ์
แม้จะตั้งใจแค่ทำให้สวย แต่ถ้าเป็นงานสาธารณะ ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว
ข้อควรระวังเมื่อใช้ภาพ AI ในงานพิมพ์และงานโฆษณา
ยุคนี้หลายแบรนด์เริ่มใช้ภาพที่สร้างด้วย AI เพราะต้นทุนถูกและออกแบบได้ตามสไตล์ แต่หลายคนไม่รู้ว่า “ภาพ AI ก็มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์เช่นกัน”
ควรระวัง:
- หลีกเลี่ยงภาพที่มีหน้าคล้ายคนดัง
- หลีกเลี่ยงภาพที่ AI สร้างจากภาพของศิลปินต้นแบบ
- หลีกเลี่ยงการใช้ภาพ AI ในสินค้าบางประเภทที่เกี่ยวกับกฎหมาย เช่น Healthcare, Beauty ที่มีประเด็น Claim
ในงานพิมพ์ไซซ์ใหญ่ เช่น Backdrop หรือ Light Box หากใช้ภาพ AI ควรตรวจ “ค่า Upscale” ด้วย เพื่อให้ภาพคมชัดและไม่เกิด Noise หรือขอบแตก
แล้วงานพิมพ์เกี่ยวอะไรกับลิขสิทธิ์ภาพมากกว่าที่คิด?
หลายคนมองว่าเรื่องลิขสิทธิ์เกี่ยวกับงานกราฟิกเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วงานพิมพ์คือพื้นที่เสี่ยงที่สุด เพราะเมื่อพิมพ์แล้วจะ “ลบไม่ได้” และ “หลักฐานชัดเจนที่สุด”
ลองคิดตามว่า…
– ป้ายบิลบอร์ดสูง 10 เมตรติดอยู่กลางถนน
– แบนเนอร์ 100 ผืนติดหน้าร้านทั่วประเทศ
– Light Box ในห้างที่มีคนเดินผ่านวันละหมื่นคน
– Backdrop งานแถลงข่าวที่มีสื่อถ่ายภาพเต็มงาน
ทุกสิ่งเหล่านี้ถูกถ่ายรูป ถูกแชร์ ถูกบันทึก และถูกตรวจสอบได้ง่ายมาก
ในอดีตมีหลายเคสที่ช่างภาพ หรือบริษัทฟอนต์ เห็นงานจากภาพถ่ายบนโซเชียล แล้วตาม “ลายพิมพ์เขียว” ไปถึงแบรนด์ผู้สั่งผลิตทันที
11 จุดที่ต้องเช็คก่อนส่งงานพิมพ์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ (แบบไม่ทำเป็นลิสต์ยาวเกินไป)
ก่อนส่งไฟล์ไปผลิตงานจริง คุณควรตรวจให้ครบ 4 ประเภท ได้แก่
ภาพ – ฟอนต์ – โลโก้ – เนื้อหา
สิ่งที่มืออาชีพมักทำเสมอคือ
เริ่มจากการตรวจว่าภาพทุกใบมาจากแหล่งที่ได้รับอนุญาต หากเป็นภาพจากสตูดิโอ ต้องมีสัญญาระบุว่าถ่ายเพื่อใช้เชิงพาณิชย์ ถ้าเป็นภาพจากเว็บสต็อก ต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง รวมถึงภาพที่เป็นคน ต้องตรวจว่ามี Model Release เพื่ออนุญาตให้ใช้ในงานโฆษณาแท้จริง
จากนั้นตรวจฟอนต์ว่ามีใบอนุญาตหรือไม่ โดยเฉพาะหากเป็นฟอนต์ไทยที่หลายครั้งจำกัด License สำหรับองค์กร ต้องซื้อแบบ Corporate Use ไม่ใช่แบบ Personal Use เพราะจะผิดกฎหมายทันทีหากนำไปผลิตสื่อจำนวนมาก เช่น Roll Up หรือป้ายไวนิล
สุดท้ายตรวจเนื้อหาว่าไม่มีการกล่าวอ้างเกินจริง ไม่มีการใช้ข้อความของแบรนด์อื่นในเชิงเทียบเคียง และไม่มีการใช้คำที่ผิดกฎหมายของสินค้าบางประเภท เช่น คำว่ารักษา / ลดโรค / ปลอดภัย 100% ฯลฯ
ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นบ่อยในงานโฆษณาและงานพิมพ์
เคส 1: สติ๊กเกอร์ร้านอาหารใช้ภาพจาก Google
ลูกค้าบอก “อยากได้ภาพแบบนี้เลย” ดีไซเนอร์ดึงภาพจาก Google มาใส่ ผลคือโดนแจ้งละเมิดภายหลังเพราะภาพนั้นเป็นของช่างภาพต่างชาติ ปรับเริ่มต้น 60,000 บาท
เคส 2: ฟอนต์ฟรีห้ามใช้เชิงการค้าในงานป้ายใหญ่
ป้ายหน้าร้านที่ใช้ฟอนต์ฟรีถูกเรียกร้องหลังจากเจ้าของฟอนต์เดินผ่านห้างแล้วเห็นโลโก้ชัดเจนบนบูธสินค้า
เคส 3: ใช้ภาพดาราโดยไม่ได้รับอนุญาต
ร้านเสริมสวยนำภาพดารามาทำ Light Box โฆษณาเจอทีมงานดาราเห็นแล้วแจ้งเตือน ต้องถอดทั้งหมดเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจำนวนมาก
เทคนิคที่ช่วยให้การทำงานปลอดภัยแบบมืออาชีพ
มีเทคนิคบางอย่างที่ช่วยให้ทำงานด้านกราฟิกและงานพิมพ์ได้อย่างมั่นใจขึ้น เช่น
การเก็บเอกสารหลักฐานทุกไฟล์ ทั้งใบเสร็จซื้อลิขสิทธิ์ภาพ ใบอนุญาตฟอนต์ และสัญญานางแบบ เพราะเมื่อมีปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “หลักฐานสิทธิ์ในการใช้งาน”
ปลายงานยังควรส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์พร้อมคำยืนยันว่า “ภาพทั้งหมดมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย” เพื่อปิดความเสี่ยงทั้งสองฝั่ง
อีกหนึ่งเทคนิคคือเลือกใช้วัสดุพิมพ์ที่คมชัด สีไม่เพี้ยน เช่น PVC เกรดดี, Sticker PP คุณภาพสูง หรือ Backdrop ผ้า เพื่อให้ภาพที่ซื้อมาอย่างถูกต้องถูกแสดงออกอย่างสวยงาม ไม่เสียคุณภาพจนดูเหมือนภาพผิดลิขสิทธิ์หรือคุณภาพต่ำ ซึ่งอาจทำให้แบรนด์ดูไม่น่าเชื่อถือได้
สิ่งที่ควรทำเมื่อมีภาพหรือฟอนต์ที่ “ไม่แน่ใจว่าใช้ได้ไหม”
ถ้าคุณมีภาพที่ไม่มั่นใจ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ
- ซื้อภาพใหม่จากเว็บสต็อก
- ขอเอกสารยืนยันสิทธิ์จากผู้ถ่าย
- ใช้ภาพ Original ที่ถ่ายเอง
- ใช้ฟอนต์ที่มี License Corporate
ไม่มีอะไรคุ้มค่ามากไปกว่าการป้องกันตั้งแต่ต้น
ลิขสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพ
คนที่ทำงานในวงการกราฟิก มาร์เก็ตติ้ง โปรดักชัน หรือแม้แต่วงการพิมพ์ต่างรู้ดีว่าเรื่องลิขสิทธิ์คือ “รากฐานของงานคุณภาพ”
การเคารพลิขสิทธิ์ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมาย แต่สะท้อนความใส่ใจในงาน ความเคารพต่ออาชีพของผู้อื่น และความรับผิดชอบต่อแบรนด์ของเราเอง
เมื่อคุณใช้ภาพ ฟอนต์ หรือเนื้อหาอย่างถูกต้อง งานโฆษณาก็จะเดินหน้าได้ลื่น ทำงานได้สเกลมากขึ้น ส่งต่อไฟล์ให้สาขาอื่นได้อย่างสบายใจ และผลิตงานพิมพ์จำนวนเท่าไหร่ก็ไม่มีความเสี่ยงแอบแฝง
สรุป: การใช้ภาพและฟอนต์อย่างถูกลิขสิทธิ์คือเกราะป้องกันแบรนด์ที่ดีที่สุด
สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่าในยุคที่ข้อมูลล้น อินเทอร์เน็ตสืบย้อนง่าย และทุกอย่างถูกแชร์ในไม่กี่วินาที เรื่องลิขสิทธิ์จึงสำคัญขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
งานพิมพ์ดี วัสดุพรีเมียม สีไม่เพี้ยน ถือว่ายอดเยี่ยม
แต่งานพิมพ์ที่ถูกลิขสิทธิ์ และไม่มีโอกาสโดนฟ้อง คือสิ่งที่ “จำเป็น”
ไม่ว่าคุณจะทำป้ายไวนิล Roll Up สติ๊กเกอร์ Backdrop เคาน์เตอร์บูธ หรือ Light Box
ทุกงานเริ่มจากไฟล์ที่ปลอดภัย
และไฟล์ที่ปลอดภัยเริ่มจากการเคารพลิขสิทธิ์ทุกชิ้นบนงานโฆษณา
สนใจสอบถามรายละเอียดเลย
Print Your Vision with A Print
งานพิมพ์ระดับพรีเมียม คมชัด สีสด ทนทาน ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์, ป้ายโฆษณา, นามบัตร, โบรชัวร์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ทุกรูปแบบ เราพร้อมดูแลคุณด้วยบริการที่รวดเร็วและได้มาตรฐาน
📌 สนใจบริการพิมพ์คุณภาพสูงติดต่อ Aprint
📞 ติดต่อเราได้ที่ 02 320 2080
📧 Line : https://line.me/R/ti/p/@499xgedn
💻 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ aprint.co.th
#Aprint #พิมพ์ดิจิทัล #พิมพ์บรรจุภัณฑ์ #งานพิมพ์คุณภาพ #ป้ายโฆษณา #DigitalPrint 🚀

