ถ้ามีสื่อโฆษณาประเภทหนึ่งในประเทศไทยที่ “ความคลาสสิกไม่เคยตกยุค” คงต้องยกให้ Billboard และ สื่อ Wrap ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการ Wrap รถเมล์, รถไฟฟ้า, รถตู้, อาคาร หรือแม้กระทั่งสื่อ Out of Home บนพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ
แม้ยุคดิจิทัลจะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคแทบทุกอุตสาหกรรม แต่สื่อตระกูล “ใหญ่ เบียดสายตา จดจำง่าย” อย่าง Billboard และ Wrap กลับยิ่งเติบโต และถูกใช้ร่วมกับสื่อออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
ในบทความนี้ เราจะพาไปดู กรณีศึกษาของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจากสื่อ Billboard / Wrap ในประเทศไทย ผ่านเรื่องเล่าแบบเจาะลึก — ไม่ใช่การทำลิสต์สั้น ๆ แต่เป็นการถอด “เบื้องหลังความสำเร็จ” ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงสำหรับทุกธุรกิจ ตั้งแต่ SME ไปจนถึงองค์กรใหญ่
เราจะมองทั้งผ่านมุม
✓ กลยุทธ์
✓ Insight คนไทย
✓ เทคนิคการออกแบบ
✓ ทำไมสื่อที่ดู “ออฟไลน์สุด ๆ” จึงยังทรงพลังในปี 2025
Billboard & Wrap ทำไมยังทรงพลังในไทย?
ก่อนจะเข้า Case Study เราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมสื่อประเภทนี้ถึง “ยังคุ้มทุกบาท” ในตลาดไทย
1. คนไทยใช้เวลาบนถนนจำนวนมาก
เฉลี่ยแล้ว คนกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางวันละ 1–2 ชั่วโมง ยิ่งรถติดเท่าไร Billboard ยิ่งมีค่า เพราะผู้คนถูกบังคับให้เห็นสื่อแบบตั้งใจ (แม้จะไม่อยากมองก็ตาม)
2. การมองเห็นซ้ำ (Repetition)
ถนนเส้นใหญ่ ๆ เช่น ราชดำริ, พระราม 4, สาทร, วิภาวดี คนกลุ่มเดิมผ่านซ้ำทุกวัน สร้างการจำได้โดยไม่ต้องพยายาม
3. ความรู้สึกเชื่อถือ “ทันที”
การมี Billboard ใหญ่ ๆ ทำให้แบรนด์ถูกมองว่า “จริงจัง ตั้งใจ และมีตัวตน”
สำหรับตลาดไทย ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือยังเป็นเรื่องใหญ่ และสื่อใหญ่ช่วยตอกย้ำสิ่งนี้ได้ดีมาก
4. สื่อ Wrap เข้าถึงพื้นที่ที่ Billboard เข้าไม่ถึง
เช่น ซอยเล็ก ๆ หมู่บ้าน แหล่งชุมชน รถเมล์ที่แวะตามจุดชุมชน
Wrap ทำหน้าที่เป็น Billboard เคลื่อนที่ ตีตลาดที่ป้ายริมถนนไปไม่ถึง
5. ยุคออนไลน์ช่วยทำให้ Out of Home กลับมาดังอีกครั้ง
เพราะคนถ่ายรูปป้ายสวย ๆ ลงโซเชียล
ป้ายใหญ่ = มีโอกาสไวรัลโดยไม่ต้องซื้อ Ads เพิ่ม
รู้เหตุผลแล้ว เรามาดูเคสจริงว่า “สื่อใหญ่” ถูกใช้ให้เกิดผลมากที่สุดอย่างไร
กรณีศึกษา (1) เครื่องดื่มเปิดตัวรสใหม่ ผ่าน Billboard ที่เน้นความเรียบง่ายมากกว่าข้อมูล
หนึ่งในเคสที่หลายแบรนด์ไทยทำสำเร็จคือการ “เปิดตัวสินค้าใหม่ด้วย Billboard ที่สื่อแบบน้อยแต่โดน”
ลองจินตนาการภาพป้ายขนาดใหญ่บนถนนวิภาวดี ช่วงเวลาเช้า รถติดแทบไม่ขยับ ป้ายเป็นภาพกระป๋องเครื่องดื่มรสใหม่ วางบนพื้นหลังสีสด พร้อมข้อความเพียง 3–4 คำ แต่คมจนทำให้คนจำได้ในทันที
สิ่งที่น่าสนใจของแคมเปญแนวนี้คือ
- ไม่ได้ยัดข้อความเยอะ
- ไม่ขายแบบตรงไปตรงมา
- ไม่เขียนฟีเจอร์ยืดยาว
- ทุกอย่างเน้น “ความจดจำ” เป็นหลัก
ผลลัพธ์คือ ยอดค้นหาในออนไลน์พุ่งขึ้นทันทีภายในสัปดาห์แรกที่ปล่อยป้าย เนื่องจากผู้คนสงสัยและอยากรู้มากขึ้น
บทเรียนที่แบรนด์อื่นนำไปใช้ได้:
– Billboard ยิ่งเรียบยิ่งจำง่าย
– เน้นภาพมากกว่าตัวหนังสือ
– ใช้สีตัดกันให้เด่นในระยะไกล
– ควรมีอารมณ์หรือคำที่กระแทกใจ
กรณีศึกษา (2) โทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตบ้านที่ใช้ Wrap รถไฟฟ้าได้คุ้มที่สุด
สื่อที่ประสบความสำเร็จมากในไทย คือ การ Wrap ทั้งขบวนรถไฟฟ้า BTS / MRT
เหตุผลที่ได้ผลดีมาก
- พื้นที่ใหญ่ มี Impact สูง
- เคลื่อนที่ตลอด เห็นซ้ำหลายเส้นทาง
- เข้าถึงกลุ่มคนทำงาน คนเมือง แบบเป๊ะ
- คนถ่ายรูปลงโซเชียลทำให้เป็น Earned Media
มีเคสหนึ่งที่หลายคนจำได้แม้จะผ่านไปหลายปี: แบรนด์อินเทอร์เน็ตบ้านเจ้าใหญ่ใช้ “สีประจำแบรนด์” แบบเต็มพื้นที่ทั้งขบวน และใส่ข้อความสั้น ๆ ว่า “เร็วขึ้นกว่าเดิม” พร้อมตัวเลขความเร็วเด่นมาก
ขบวนนี้ถูกถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก เพราะสีของ Wrap สะดุดตา คนเห็นแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายโดยอัตโนมัติ ผลคือ แบรนด์ติดตาคนทั้งเมืองภายในเวลาไม่กี่วัน
สิ่งที่ทำให้เคสนี้สำเร็จคือ:
– ภาพต้อง “ใหญ่เต็มพื้นที่”
– ข้อความต้องอ่านออกในเสี้ยววินาที
– ใช้สีประจำแบรนด์ให้ชัดที่สุด
– วางตำแหน่งข้อความตามจุดที่สายตามองเป็นอันดับแรก เช่น ตรงประตูหรือหน้าต่าง
กรณีศึกษา (3) ร้านอาหาร Delivery ที่ใช้ Wrap มอเตอร์ไซค์แบบยิงเข้าหาชุมชน
นี่คือเคสที่น่าสนใจมากสำหรับ SME
ร้านอาหารเดลิเวอรีหลายเจ้าในไทยเริ่มใช้ “Wrap มอเตอร์ไซค์ของไรเดอร์” เป็นสื่อหลัก เพราะมันเข้าถึงชุมชนได้ตรงจุดที่สุด และลูกค้าเห็นใกล้มากจนสร้างการจดจำได้ดีแบบคาดไม่ถึง
มอเตอร์ไซค์คือสื่อที่
- เข้าออกซอยเล็ก ๆ
- หยุดตามหน้าบ้าน
- จอดตามร้านสะดวกซื้อ
- อยู่กลางสายตาคนจำนวนมากอย่างไม่ตั้งใจ
หนึ่งในเคสที่โดดเด่นคือร้านอาหารที่ใช้ภาพ “เมนูขายดี” แปะเต็มกล่องหลังรถ พร้อมชื่อร้านใหญ่ ๆ และ QR Code ที่พาเข้าสู่เมนูออนไลน์ได้ทันที
อะไรทำให้เวิร์ก?
– มอเตอร์ไซค์ = Billboard ระยะใกล้
– ภาพอาหารเด่น = เพิ่มความอยากกิน
– QR Code = ปิดการขายทันที
– เข้าถึงพื้นที่ห่างไกล Billboard ปกติ
มีร้านที่ใช้เทคนิคนี้แล้วยอดสั่งเติบโตขึ้นหลายเท่าในย่านที่รถวิ่งประจำ ซึ่งพิสูจน์ว่า Wrap รถเล็กมีพลังมากกว่าที่คิด
กรณีศึกษา (4) กลุ่มสถาบันการศึกษา ที่ใช้ Billboard เชิงอารมณ์
หลายมหาวิทยาลัยในไทยใช้ Billboard เพื่อตอกย้ำ “ความรู้สึกเกี่ยวกับอนาคต” มากกว่าขายคอร์สหรือวุฒิการศึกษา เช่น
ภาพเด็กกำลังทำงานในฝัน พร้อมข้อความกระตุกใจอย่าง
“อนาคตเริ่มต้นวันนี้”
หรือ
“ความสำเร็จของลูก คือความภูมิใจของเรา”
กลยุทธ์คือการเล่นกับอารมณ์และความคาดหวังของพ่อแม่ ระหว่างรถติด ป้ายแบบนี้จะสะกิดใจได้ดีกว่าตัวหนังสือเชิงเทคนิคหรือข้อมูลเยอะ ๆ นอกจากนี้ Billboard แบบอารมณ์ยังถูกแชร์ในโซเชียลมาก เพราะมันทำให้คนรู้สึก “อยากส่งต่อ”
กรณีศึกษา (5) สินค้า FMCG ที่ใช้ Billboard แบบ “ยึดพื้นที่ในหัว” ด้วยสี + ตัวละคร
แบรนด์สินค้าประเภทของใช้ในบ้าน ของกิน ของหวาน หรือของที่มีราคาต่ำกว่า 50–100 บาท นิยมใช้ Billboard เพื่อ “ย้ำแบรนด์” ผ่านภาพจำ เช่น สีประจำแบรนด์ ตัวมาสคอต ตัวละคร หรือเวิร์ดดิ้งสั้น ๆ ที่อ่านได้ทันทีแม้จะขับรถเร็ว
รูปแบบนี้มักจะแตกต่างจากสินค้าอื่น เพราะเป้าหมายไม่ใช่ขายทันที แต่คือการ สร้างการจำแบบอัตโนมัติ
เวลาคนเดินเข้าร้านสะดวกซื้อแล้วเห็นสินค้าบนชั้น เขาจะนึกภาพป้ายใหญ่ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว
ความสำเร็จของแคมเปญประเภทนี้มาจาก
– ความสม่ำเสมอของการใช้สี
– ตัวละครที่จำง่าย
– รูปแบบภาพที่เป็นเอกลักษณ์
– ป้ายหลายจุดติดต่อกัน (Dominated Area) ทำให้รู้สึกว่ามีแบรนด์อยู่ทุกที่
แบรนด์ FMCG หลายเจ้าในไทยใช้เทคนิคนี้จนคนจำได้แทบจะทันทีโดยไม่ต้องอ่านชื่อแบรนด์ด้วยซ้ำ
กรณีศึกษา (6) อสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ Billboard + QR Code แล้ว Conversion พุ่ง
โครงการบ้าน/คอนโดในไทยนิยมมากในการใช้ Billboard เพราะต้องการเข้าถึงลูกค้าที่กำลัง “มองหาที่อยู่อาศัย” ระหว่างเดินทางบนถนนโซนที่ตนสนใจ
มีเคสที่น่าศึกษามากคือการติด Billboard ขนาดใหญ่ที่ชี้นำว่า “โครงการอยู่ใกล้ทางด่วน/รถไฟฟ้า” และที่สำคัญคือเพิ่ม QR Code ที่กดแล้วนำทางไปยังสำนักงานขายได้ทันที
ผลคือ
– ลูกค้ากดนำทางเข้าไปดูจริงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
– คนขับรถที่สนใจในโซนนั้นอยากลองแวะ
– ลดงานของ Call Center เพราะข้อมูลอยู่ครบใน Landing Page
นี่คือการผสมกันของ Billboard (สร้าง Awareness) + ออนไลน์ (สร้าง Action) ได้อย่างลงตัวที่สุดรูปแบบหนึ่งในไทย
เทคนิคที่แบรนด์ไทยใช้แล้วเห็นผลจริง
แม้สื่อ Billboard และ Wrap จะหลากหลายมาก แต่หลังจากวิเคราะห์หลายแคมเปญในตลาดไทย พบว่าเทคนิคที่ใช้ร่วมกันมีลักษณะคล้ายกันดังนี้
1) ทุกอย่างต้องเห็นได้ใน 2–3 วินาที
เพราะคนขับรถไม่มีเวลามองนาน
ข้อความยาว ๆ = แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
2) เน้นภาพสินค้าขนาดใหญ่
ยิ่งใหญ่ยิ่งจำง่าย ยิ่งใหญ่ยิ่งดูพรีเมียม
3) สีต้องตัดกับฉากหลัง
เพื่อให้มองเห็นจากระยะไกลมากที่สุด
4) โฟกัสเพียงหนึ่งข้อความหลัก (One Message Only)
ไม่รวมโปร ไม่รวมฟีเจอร์
เลือกอย่างเดียวที่ลูกค้าต้องจำ
5) ใช้พื้นที่ให้คุ้มที่สุด
Wrap รถ = ใช้เต็มทุกมุม
Billboard = อย่าปล่อยพื้นที่โล่งเสียดายสื่อ
6) ทำงานร่วมกับออนไลน์
ทุกสื่อควรมี QR / CTA / Link เพื่อให้รู้ผลลัพธ์อย่างแท้จริง
สรุป Billboard / Wrap ยังไม่หายไปไหน และยังเป็นสื่อที่ทรงพลังมากในไทย
แม้ยุคนี้จะเต็มไปด้วย Influencer, TikTok Ads, Facebook Ads แต่ Billboard และ Wrap ยังคงเป็น “รากฐานของการสร้างภาพจำ” ที่สำคัญที่สุดสื่อหนึ่งในประเทศไทย เพราะมันเข้าถึงคนจำนวนมหาศาลในชีวิตจริงทุกวัน
จากกรณีศึกษาที่เราเล่ามา
ไม่ว่าจะเป็น
– เครื่องดื่ม
– โทรคมนาคม
– ร้านอาหาร
– อสังหาฯ
– สินค้า FMCG
– สถาบันการศึกษา
ทุกแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมีสิ่งหนึ่งเหมือนกันคือ
พวกเขาไม่ได้ใช้ Billboard เพื่อ “ขายของทันที” แต่เพื่อ “สร้างการจดจำในหัวลูกค้า” ให้เกิดก่อนการซื้อจริง
เมื่อภาพจำเกิด → ลูกค้าหาข้อมูลเอง
เมื่อเจอในออนไลน์ → ลูกค้าจำได้
เมื่อถึงเวลาจะซื้อ → ลูกค้าเลือกแบรนด์ที่คุ้นเคยก่อน
นี่คือพลังที่สื่อ Out of Home ยังคงมีอยู่เสมอ
และยังไม่มีสื่อไหนแทนที่ได้แบบ 100%
สนใจสอบถามรายละเอียดเลย
Print Your Vision with A Print
งานพิมพ์ระดับพรีเมียม คมชัด สีสด ทนทาน ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์, ป้ายโฆษณา, นามบัตร, โบรชัวร์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ทุกรูปแบบ เราพร้อมดูแลคุณด้วยบริการที่รวดเร็วและได้มาตรฐาน
📌 สนใจบริการพิมพ์คุณภาพสูงติดต่อ Aprint
📞 ติดต่อเราได้ที่ 02 320 2080
📧 Line : https://line.me/R/ti/p/@499xgedn
💻 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ aprint.co.th
#Aprint #พิมพ์ดิจิทัล #พิมพ์บรรจุภัณฑ์ #งานพิมพ์คุณภาพ #ป้ายโฆษณา #DigitalPrint 🚀

